รีเซต

SCG ตั้งงบ 10,000 ล้านบาท ดันนวัตกรรมกรีนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ในแนวคิด ‘องค์กรแห่งโอกาส’

SCG ตั้งงบ 10,000 ล้านบาท ดันนวัตกรรมกรีนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ในแนวคิด ‘องค์กรแห่งโอกาส’
TNN ช่อง16
10 พฤษภาคม 2567 ( 16:46 )
28
SCG ตั้งงบ 10,000 ล้านบาท ดันนวัตกรรมกรีนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ในแนวคิด ‘องค์กรแห่งโอกาส’

เอสซีจี (SCG) เปิดบ้านจัดแสดงนิทรรศการ “SCG the Possibilities for Inclusive Green Growth” ภายใต้แนวคิด ‘องค์กรแห่งโอกาส’ หนุนพลังคนปล่อยแสง เปลี่ยนไอเดียให้เป็นจริง-พัฒนานวัตกรรมระดับโลก-ร่วมมือทุกภาคส่วน โดยการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมกรีน ที่เน้นคาร์บอนต่ำ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตบนสังคมคาร์บอนต่ำ คุณภาพชีวิตดี เศรษฐกิจโต สังคม สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมประกาศตั้งงบพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีนในปี 2024 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท


SCG - ‘องค์กรแห่งโอกาส’ (Organization of Possibilities)

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “การพัฒนานวัตกรรมกรีนเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาโลกเดือด และขอเชิญชวนทุกภาคส่วนมาร่วมกันสนับสนุนเลือกใช้นวัตกรรมกรีนที่ตอบโจทย์ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะต้องปรับเปลี่ยนทั้งเทคโนโลยี ความเข้าใจลูกค้าและตลาด รวมถึงกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่ง ‘พลังของคน’ เป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงนี้"


ด้วยเหตุนี้ SCG จึงได้นำเสนอหลักการ ‘องค์กรแห่งโอกาส’ (Organization of Possibilities) เพื่อให้ทุกคนในองค์กร ตลอดจนพันธมิตรในทุกช่วงวัย ได้มีพื้นที่แสดงศักยภาพ โดยไม่จำกัดกรอบความคิด ในการพัฒนานวัตกรรมกรีนที่ตอบโจทย์ลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อม และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ โดยมี 3 หลักการ ได้แก่


1.) โอกาสเปลี่ยนไอเดียเป็นนวัตกรรม 

SCG จูงใจให้พนักงานเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ประกอบการกับโครงการสตาร์ตอัปภายในองค์กร ‘ZERO TO ONE by SCG’ โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ในการสร้างความเข้าใจกับลูกค้า การค้นหาปัญหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้า และการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตของธุรกิจและนวัตกรรม อาทิ Design Thinking, Generative AI, Data Analytics 


โครงการดังกล่าว SCG ประกาศว่ามีผู้เข้าร่วมในปัจจุบันกว่า 800 คน และมีสตาร์ตอัปในโครงการ 100 สตาร์ตอัป เช่น ‘Wake Up Waste’ แพลตฟอร์มรถบีบอัดขยะ ช่วยให้ขยะเล็กลง ขนส่งได้ปริมาณมากขึ้น เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และ ‘Dezpax’ แพลตฟอร์มออนไลน์แพคเกจจิ้งครบวงจรรายแรกในไทย สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ และคาเฟ่ เป็นต้น


2.) โอกาสพัฒนานวัตกรรมระดับโลก 

สนับสนุนการวิจัยภายในองค์กรและร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น ร่วมกับ ‘Norner AS’ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลาสติก ประเทศนอร์เวย์ และ ‘มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด’ ประเทศอังกฤษ พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน รวมทั้ง ร่วมมือกับสตาร์ตอัปจากสหรัฐอเมริกา ‘Rondo Energy’ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เช่น แบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด 


3.) โอกาสร่วมมือทุกภาคส่วน 

SCG พร้อมสนับสนุนความร่วมมือ จากทั้งเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม เพื่อรวมพลังสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน เช่น ขับเคลื่อน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ สร้างเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย พาไทยมุ่งสู่ Net Zero ทั้งนี้ ปี 2024 SCG จึงตั้งงบพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำและนวัตกรรมกรีนกว่า 10,000 ล้านบาท”



ตัวอย่างผลิตภัณฑ์และบริการภายใต้นวัตกรรมกรีนจาก SCG

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กล่าวอีกด้วยว่า “เอสซีจีสามารถเดินหน้านวัตกรรมกรีนมาจนถึงวันนี้ มียอดขายนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ร้อยละ 53 จากยอดขายทั้งหมด และมุ่งสู่เป้าหมายยอดขายร้อยละ 67 ภายในปี 20230 พร้อมเดินหน้าสนับสนุนและชวนทุกคนปล่อยแสงเต็มที่ เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดี เศรษฐกิจเติบโต สังคม สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ เปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ตามแนวทาง Inclusive Green Growth” 


โดยในงานดังกล่าว SCG ได้ยกตัวอย่างนวัตกรรมขององค์กรที่ร่วมสร้างสรรค์หลากหลายนวัตกรรมกรีน ให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคู่กับเพิ่มฟังก์ชันใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้า สังคม สิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น เช่น 


1.) เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน (SCG Cement and Green Solution) 

พัฒนา ‘ปูนคาร์บอนต่ำและคอนกรีตคาร์บอนต่ำ’ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แข็งแรงได้มาตรฐาน ผิวเรียบ และมีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถตอบโจทย์โครงการรักษ์โลกต่าง ๆ ได้อย่างดี ทั้งงานอาคารขนาดใหญ่ งานนิคมอุตสาหกรรม งานท่าเรือ ไปจนถึงงานใต้ทะเล 


2.) เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง (SCG Smart Living) 

นำเสนอ ‘วัสดุก่อสร้างครบทั้งหลัง’ ที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยได้รับการรับรอง SCG Green Choice และฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) พร้อม SCG Air Scrubber เทคโนโลยีลดการใช้พลังงานจากระบบปรับอากาศในอาคาร, SCG Solar Hybrid Solutions พลังงานสะอาดสำหรับใช้ภายในบ้าน-อาคารตลอด 24 ชั่วโมง, Microgrid and Energy Storage Systemบริหารจัดการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ กักเก็บพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ไว้สำหรับใช้งานในช่วงต่าง ๆ ของวัน 


3.) เอสซีจี เดคคอร์ (SCG Deccor) 

เปิดตัว COTTO CLAY DECOR COLLECTION นวัตกรรรมสุขภัณฑ์ที่ดูดซับความร้อนได้ดี ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน และก๊อกน้ำรุ่น GEO Series ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตแบบ Non-Foundry Process ที่ใช้ท่อทองเหลืองมาเป็นส่วนหนึ่งในงานออกแบบ ลดการใช้พลังงานในการหลอมขึ้นรูป และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าร้อยละ 10


4.) เอสซีจีพี (SCGP) 

ได้นำเสนอระบบที่สร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การพัฒนายูคาลิปตัสเพื่อเป็นวัตถุดิบทดแทน (Renewable Resource) การเพิ่มประสิทธิภาพการนำกระดาษรีไซเคิลสู่กระบวนการผลิต พัฒนากระบวนการผลิตให้ลดคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเพิ่มทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลและใช้ซ้ำได้ เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน 


5.) เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) 

พัฒนานวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก ภายใต้แบรนด์ ‘SCGC GREEN POLYMERTM’ ในแนวทาง Low Waste, Low Carbon ขยายกำลังการผลิตพลาสติกรีไซเคิลในยุโรป ได้แก่ ‘ซีพลาสต์’ (Sirplaste) โปรตุเกส เพิ่มขึ้น 9,000 ตันต่อปี เป็น 45,000 ตันต่อปี และ ‘คราส’ (Kras) เนเธอร์แลนด์ เพิ่มขึ้น 9,000 ตันต่อปี เป็น 18,000 ตันต่อปี และจับมือกับ HomePro พัฒนา ‘เครื่องใช้ไฟฟ้ารักษ์โลก’ ครั้งแรกในไทย โดยรีไซเคิลพลาสติกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้แล้วให้กลับมาผลิตใช้ใหม่ 


SCGC ยังร่วมกับ Braskem ผลิต ‘พลาสติกชีวภาพ’ หรือ Bio-Polyethylene ที่เปลี่ยนการใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากฟอสซิลเป็นวัตถุดิบชีวภาพ มีปริมาณการปล่อยคาร์บอนเป็นลบ ร่วมกับ Denka ผลิต ‘Acetylene Black’ ซึ่งเป็นสารนำไฟฟ้าสำคัญสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ EV รวมถึงพัฒนาร่วมกับ Avantium ในการ ‘เปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นพอลิเมอร์คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นลบ’ (Carbon-Negative Plastic)  


นอกจากนี้ SCGC ยังได้รุกสู่ธุรกิจโซลูชันในการปรับปรุงและแก้ปัญหาในโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Solutions) ภายใต้แบรนด์ ‘REPCO NEX’ พร้อมส่งมอบ Innovative & Digital โซลูชันเพื่อความยั่งยืน อาทิ พลังงานสะอาด (Renewable Energy) ระบบการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากร และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  


6.) เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ (SCG Cleanergy) 

พัฒนา ‘แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด’ ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทำความร้อนหรือไอน้ำในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม และพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานสะอาดอัจฉริยะ ‘Smart Grid’ เพื่อเข้าถึงพลังงานแสงอาทิตย์สะดวกยิ่งขึ้น สำหรับภาคธุรกิจที่ต้องการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์


7.) เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (SCGJWD Logistics) 

นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  อาทิ ‘กลุ่มธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น’ (Cold Chain Business) ได้ใช้เทคโนโลยีจัดเก็บและจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (Automated Storage Retrieval System: ASRS ) และระบบ ‘Solar Roof’ เปลี่ยนสู่การเป็นคลังสินค้าประหยัดพลังงาน ลดการใช้เชื้อเพลิง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 


นอกจากนั้น ยังมีนวัตกรรมด้านกรีนโลจิสติกส์อื่น ๆ  เช่น ‘รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า’  ‘ระบบคำนวณเส้นทางอัจฉริยะ (AI Route Optimization)’ ‘หุ่นยนต์ลำเลียงอัตโนมัติ (AGV & Robotics)’ ที่ช่วยสร้างความยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ


ข้อมูลจาก SCG

ข่าวที่เกี่ยวข้อง