รีเซต

MTC คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โบรกมองเชิงบวก

MTC คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โบรกมองเชิงบวก
ทันหุ้น
10 พฤษภาคม 2567 ( 16:02 )
19
MTC คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น โบรกมองเชิงบวก

#MTC #ทันหุ้น – MTC จัดการประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองในเชิงบวก ดังนี้

 

บล.เอเซียพลัส : แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 51 บาท

บล.เอเซียพลัสระบุว่าจากการประชุมนักวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นโทนกลาง เป้าหมายปี 2567 คงเดิมตามที่มองยืนยันเส้นทางการเติบโต คงแนะนำ และเลือกเป็น Top pick กลุ่มจำนำทะเบียนฯ

 

สรุปเป้าหมายทางการเงินปี 2567 : การเติบโตของสินเชื่อปีนี้ 20% YoY (1Q67 บวก 3% QoQ, +17% YoY ภายใต้แผนเปิดสาขาคงเดิมราว 600 สาขา (1Q67 เปิด 251 สาขา) คาดหนุนสาขา ณ สิ้นปี 2567 มาที่ 8.1 พันสาขา ซึ่งช่วง เม.ย. ยังเห็นการขยายตัวที่ดีของสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อมีหลักประกัน สำหรับ Cost of fund บริหารจัดการให้ไม่เกิน 4.2% (ปี 2566 ที่ 3.7%) เทียบ 1Q67 ที่ 3.9% และ Cost to income ratio ที่ 46% -47% (ปี 2566 ที่ 47%)

 

ด้าน Credit cost แม้คงเดิมไว้ที่ 3.5% (ปีก่อนที่ 3.7%) แต่ถือว่างวด 1Q67 ที่ทำได้ 3.2% ดีกว่าที่มอง จึงส่งสัญญาณว่า Credit cost ทั้งปีมีโอกาสต่ำกว่า 3.5% (MTC จะพิจารณาอีกครั้งหลังประกาศงบ 2Q67) ภายใต้กรอบการบริหาร NPL/Ioan อย่างอนุรักษ์นิยมไม่เกิน 3.2% สิ้นงวด 1Q67 ที่ 3.0%) และ Coverage ratio ไม่ต่ำกว่า 100% - 120% (สิ้นงวด 1Q67 ที่ 121%) โดยคุณภาพสินทรัพย์งวด 1Q67 ที่มีพัฒนาการต่อเนื่อง มาจากลูกค้าเกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น และการติดตามหนี้ ซึ่งช่วง เม.ย. แม้มีวันหยุดยาว แต่การจัดเก็บหนี้ยัง รักษาโมเมนตัมที่ดี

 

ความเห็นฝ่ายวิจัย: เป้าหมายทางการเงินส่วนใหญ่ใกล้เคียงสมมติฐานฝ่ายวิจัย และเริ่มเห็นโอกาสที่ Credit cost จะดีกว่าสมมติฐานที่ 3.7% (ทุก 0.5% ของ Credit cost ที่เปลี่ยนแปลง จะทำให้กำไรเปลี่ยนแปลง 11%) จากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในการควบคุมต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าที่ทำได้ดีกว่ากลุ่มฯ เพราะการควบคุมสินเชื่อเช่ซื้อในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับจำนวนสาขา ณ สิ้นงวด1Q67 ที่ 7.8 พันสาขา ช่วยให้การตามเก็บหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 1Q67 คิดเป็นสัดส่วน 24% ของประมาณการฝ่ายวิจัยที่ 5.7 พันล้านบาท (+16% YoY) และ BB Consensus ทำให้คาด Downside จำกัด ภายใต้แนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือของปีเร่งตัว ทั้งจากสินเชื่อตามฤดูกาล, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสไตล์พรรคเพื่อไทย และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐช่วง 2H67 เป็นปัจจัยบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ คงคำแนะนำ Outperform และ เลือกเป็น Top pick กลุ่มจำนำทะเบียนฯ

บล.ฟิลลิป : แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 52 บาท

บล.ฟิลลิประบุว่า ผลงานยังเป็นไปตามเป้าทั้งการปล่อยสินเชื่อ การรักษาระดับ NPL ต้นทุนทางการเงิน และสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นต่อเนื่อง โดย NPL ลดลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนทางกับกลุ่มที่ NPL ยังคงเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ระดับการตั้งสำรองลดลง และต่ำกว่าเป้าหมายที่ MTC ตั้งไว้ ยังคงประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน 52 บาท แต่เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันส่วนต่างเหลือน้อยลง จึงปรับคำแนะนำเป็น "ทยอยซื้อ"

 

ผลงานใน 1Q67ยังเป็นไปตามเป้า

หลังจากประกาศผลประกอบการ 1Q67 ผลงานต่าง ๆ ยังเป็นไปตามเป้า โดยทางด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น 17.5% y-y จากเป้าที่ตั้งไว้ 15 - 20%โดยยังเป็นการเพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาเพิ่ม โดยจะเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขาในปีนี้ และ 1Q67 เปิดเพิ่มไปแล้ว 251 สาขา NPL ตั้งเป้าจะรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 3.2% โดย 1Q67 NPL อยู่ที่ 3.03%ต้นทุนทางการเงินตั้งเป้าจะรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 4.0 - 4.2% จาก 1Q67 อยู่ที่ 3.87%ซึ่งค่อนข้างต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้เนื่องจากได้รับเงินทุนจากธนาคารจากจีน สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้จะรักษาระดับไว้ที่ 46 - 47% ใน 1Q67 47.8%

 

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นต่อเนื่อง

คุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ NPL อยู่ที่ 3.03%ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน สวนทางกับกลุ่มที่ NPL เพิ่มสูงขึ้น โดยการลดลงของ NPL มาจากการปรับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อให้เข้มงวดมากขึ้น หันมาเน้นปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งมีความเสี่ยงต่ำก๊ว่า การรู้จักลูกค้ามากขึ้น ทำให้การตามเก็บหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ในไตรมาสนี้ MTC ยังมีการขาย NPL ออกไปด้วย 900 ลบ. และการที่คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคารถมือ 2 ที่กระเตื้องขึ้นทำให้ MTC มีผลขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง และทำให้ระดับการตั้งสำรองลดลงด้วย โดยในไตรมาสนี้ MTC มีการตั้งสำรองเพียง 3.12% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ทาง MIC จะตั้งสำรองไม่เกิน 3.5% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่งทาง MTC อาจจะมีการพิจารณาปรับลดเป้าการตั้งสำรองในปีนี้ลงหากคุณภาพสินทรัพย์ยังดีแบบนี้ต่อ

 

ยังคงประมาณการ และราคาพื้นฐาน

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 67 ของ MTC ไว้เหมือนเดิมที่ 6พันลบ. กลับมาเพิ่มขึ้นได้ 21.5 % y-y จากปีก่อนที่ MTC ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของ NPL ทำให้การตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมากจนทำให้กำไรลดต่ำลง ส่วนในปีนี้ถึงแม้ทางฝ่ายจะคาดว่าการตั้งสำรองอาจจะไม่ได้ลดลง แต่การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อจะมากพอทำให้รายได้ดอกเบี้ย และกำไรเพิ่มสูงขึ้น ยังคงราคาพื้นฐาน 52 บาท ส่วนต่างเหลือน้อยลงทำให้ทางฝ่ายปรับคำแนะนำเป็น "ทยอยซื้อ" จากเดิมที่แนะนำ "ซื้อ"

บล.พาย : แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 53 บาท

บล.พายปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 53 บาท ผลการดำเนินงานใน 1Q24 ออกมาตามคาดมีกำไรสุทธิที่ 1.4 พันล้านบาท (+29.8% YoY,+2.8% QoQ) อยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว ขณะที่งบดุลแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ NPL ratio ปรับลดลงเหลือ 3% และ Coverage ratio ปรับขึ้นเป็น 120.9%เอื้อต่อการผ่อนคลายนโยบายสำรองหนี้ฯในอนาคต บล.พายมีมุมมองเป็นบวกหลังการประชุมนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ขณะที่คาดว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไร้สุทธิจะกลับเติบโตแข็งแกร่งที่ 19.2%/21.9%ในปี 2024-25สำหรับแนวโน้มใน 2Q24 บล.พายมองว่าผลการดำเนินงานจะแเข็งแกร่งต่อเนื่อง ขยายตัว YoY และ QoQ หนุนจากการขยายสินเชื่อ และการควบคุมค่าใช้จ่ายทำให้ Cost to income ratio ปรับลดลง

 

การประชุมนักวิเคราะห์

หลังจากควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดีขึ้น บริษัทกลับสู่โหมดการเติบโต แต่จะเน้นทำธุรกิจที่ชำนาญ โดยเฉพาะเน้นโตสินเชื่อที่มีหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียนและที่ดิน) และมองการเติบโตแบบยั่งยืนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน

 

บริษัทยังคงเป้าหมายการเงินปี 2024 แต่จะดูแนวโน้มคุณภาพหนี้อีก 1 ไตรมาสข้างหน้า ทำให้มีโอกาสที่ Credit cost อาจต่ำกว่าเป้าหมายที่

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง