"SCC" อุบัติเหตุเพลิงไหม้ MTT กระทบแค่ไหน?

#ทันหุ้น - บล.เอเซีย พลัส ระบุ วันที่ 9 พ.ค 2567 เกิดเพลิงไหม้ที่ถังจัดเก็บสารประกอบไฮโดรคาร์บอน C9+ ที่บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล (MTT) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SCC จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ท่าน และผู้บาดเจ็บอีก 4 ท่าน โดย MTT ร่วมกับหน่วยงานราชการสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ในเวลา 16.35 น. ของวันเดียวกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ และ MTT ต้องหยุดดำเนินงานชั่วคราว 

ฝ่ายวิจัยประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ต่อ SCC จะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะเวลาที่ MTT ต้องหยุดดำเนินงาน โดยหากใช้เวลาไม่นานและเป็นการหยุดดำเนินการเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับถังเก็บ C9+ ก็จะมีผลกระทบในวงจำกัด เนื่องจากสาร C9+ เป็นเพียงพลิตภัณฑ์พลอยได้ (By Product) ที่ได้จากโรงงาน โอเลฟินส์ นำไปใช้เป็นตัวทำละลาย (Solvent) ในอุตสาหกรรมผสมสีและล้างสีซึ่ง SCC สามารถเลือกผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้ โดยไม่กระทบต่อ Operation ในส่วนของโรงงานโอเลฟินส์ต้นน้ำ 

อีกทั้ง SCC ได้มีการทำประกันภัยครอบคลุมทุกประเภท ได้แก่ ประกันภัยทรัพย์สิน ,ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก,ประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก และประกันภัยความรับผิดชอบตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตามหาก MTT ต้องหยุดดำเนินการในส่วนอื่นๆ ด้วย ก็จะส่งผลกระทบมากขึ้น เนื่องจาก MTT เป็น Tank Farm อยู่ใกล้ท่าเรือ และมี Facility ในการนำเข้า Feedstock คือ Naphtha และการส่งออกสินค้าของ SCC ออกทางเรือ ดังนั้นหาก MTT ไม่สามารถนำเข้า Naphtha ได้ ก็จะส่งผลต่อการดำเนินงานของโรงงานโอเลฟินส์ต้นน้ำ คือ ระยองโอเลฟินส์ (ROC) และ มาบตาพุด โอเลฟินส์ (MOC) ที่จะต้องลดกำลังการผลิตลง ทั้งนี้ระยะเวลาที่ MTT จะสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ในส่วนใดบ้างและในเวลาใด ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ การนิคมอุตหกรรมแห่งประเทศไทย ( กนอ.) 

ฝ่ายวิจัยยังไม่มีการปรับประมาณการ SCC ระยะสั้นธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ ยังคงถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และมีอุปทานส่วนเกินจำนวนมากเกิดขึ้นในปี 2566 อย่างไรก็ตามอุปทานใหม่ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2567-2569 เชื่อว่าวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมีใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว ยังคงให้น้ำหนักลงทุน Neutral ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ได้ที่ 320 บาท