#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันที่ 20 เมษายน 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย เปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน โดยผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ จะต้องยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย และลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปากับหน่วยงานผู้ให้บริการเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้นสำหรับรายละเอียดการลงทะเบียน มีดังนี้1. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่-สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไชต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis เบอร์ติดต่อ 1130-สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือผ่านเว็บไชต์ https://welfareregis.pea.co.th/Register เบอร์ติดต่อ 1129-กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร. หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th เบอร์ติดต่อ 086 848 12842. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่-สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet เบอร์ติดต่อ 1125-สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https//egister.pwa.co.th/welfare- register.html เบอร์ติดต่อ 1662ในกรณีลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. หรือ กทร. สำเร็จภายในวันสิ้นเดือน หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 ของแต่ละเดือน จะได้รับสิทธิครั้งแรกสำหรับใบแจ้งหนี้ค่าบริการรอบถัดไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง“สำหรับความคืบหน้าผู้ที่ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ทั้งหมดที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2567 มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวน 13,841,344 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 94.85 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่) ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pea.co.th หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1129” นายคารม กล่าว
อ่านต่อ >29
#Fake News #TNN ช่อง16
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 12 – 18 เมษายน 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,190,937 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 124 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 109 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 15 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 110 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 51 เรื่องทั้งนี้ ดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 กลุ่มนโยบายรัฐบาล / ข่าวสารทางราชการ / ความสงบเรียบร้อยของสังคม / ขัดศีลธรรมอันดี และ ความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 68 เรื่อง อาทิ กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ทำใบขับขี่ออนไลน์หรือต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ทางเพจ Department of Land Transport , กรมราชทัณฑ์ สร้างนักโทษชนชั้นนำ เป็นต้นกลุ่มที่ 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ / วัตถุอันตราย / เครื่องสำอาง / รวมถึงสินค้า และ บริการที่ผิดกฎหมายอื่น จำนวน 23 เรื่อง อาทิ คนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม คือคนที่เสี่ยงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก , ท่าบริหารมือ ทำทุกวัน ครั้งละ 200 ครั้ง ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้นกลุ่มที่ 3 กลุ่มภัยพิบัติ จำนวน 4 เรื่อง อาทิ กรมอุตุฯ เตือนเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเนื่องจากมีลมฝ่ายตะวันตกยังคงพัดปก คลุมภาคเหนือ 13-22 เม.ย. 67 เป็นต้นกลุ่มที่ 4 กลุ่มเศรษฐกิจ จำนวน 9 เรื่อง อาทิ งบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปีละ 6 หมื่นล้านบาท เป็นต้นกลุ่มที่ 5 กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 6 เรื่อง อาทิ เพจสินเชื่อ ออมสิน ปล่อยเงินกู้ด่วนถูกกฎหมาย รายเดือน 5,000 – 10,000,000 บาท , อส. ใช้เบอร์ 082-946-4808 โทรสอบถามเลขบัญชี เพื่อโอนเงินให้ 2,000 บาท เป็นต้นโดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชน มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่อันดับที่ 1 : เรื่อง ดื่มน้ำข้าวผสมไข่ขาวดิบ ช่วยบำรุงและรักษาไตเสื่อมอันดับที่ 2 : เรื่อง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เผยเลขลับเฉพาะวงในทุกงวดอันดับที่ 3 : เรื่อง ผมร่วงและปวดหลังเป็นอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมอันดับที่ 4 : เรื่อง รักษากรดไหลย้อน ด้วยกระเจี๊ยบเ
อ่านต่อ >2
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
20 เมษายน 2567 – เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เคารพและให้คุณค่ากับการเปิดรับความหลากหลายทางเพศ หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 ร่วมกับสถาบันอิศรา ได้ร่วมจัดเวทีสัมมนาสาธารณะ “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” กล่าวเปิดงานโดย คุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ผู้อำนวยการหลักสูตร บยสส. รุ่นที่ 3 ณ Hall 1 – 2 ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อคุณพินิจ จารุสมบัติ ประธานผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาสาธารณะในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้สะท้อนความคิดและมุมมองสู่สาธารณะ เพื่อให้สังคมไทยรวมถึงสื่อมวลชนรวมมีความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นความหลากหลายทางเพศ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับทุกคน “การเคารพในความหลากหลาย เป็นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ที่จะต้องให้ความเคารพ ลดความขัดแย้ง ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และหวังว่าการสัมมนาจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อไป”คุณณชเล บุญญาภิสมภาร รองประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกระเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้มีโอกาสทำงานกับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ พบว่าพ่อแม่มักมีความรู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด ถึงมีลูกเป็น LGBTQIAN+ จึงต้องทำอย่างไรให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ ในเวลาเดียวกันลูกก็จะรู้สึกว่าตนเองต้องทำเกินกว่าคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ทั้ง ๆ ที่การได้รับความรักเป็นเรื่องพื้นฐานของครอบครัว จึงทำคู่มือชื่อ “บ้านนี้มีความหลากหลาย” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ สำหรับเรื่องการสื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียมนั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา คือต้องไม่ตั้งสมมุติฐานว่า “ทุกคนจะเหมือนเรา” ต้องมีทัศนคติว่าคนมีความแตกต่าง มีความเฉพาะและมีชีวิตของตัวเอง การสื่อสารก็จะเป็นการสื่อสารด้วยความเคารพ เช่น เราเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ก็ควรถามเราว่าอยากให้เรียกว่าอะไร บางคนยังไม่เปลี่ยนชื่อ ชื่อยังเป็นผู้ชายก็อาจไม่อยากให้เรียกชื่อนั้นก็ได้ เป็นต้น ในฐานะสื่อต้องเรียนรู้ความแตกต่างหลากหลาย อย่าใช้คำนี้ไปครอบทุกอย่าง และต้องเห็นความหลากหลายเรื่องคนข้
อ่านต่อ >2
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (20 เมษายน 2567) ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รายงาน ลักษณะอากาศประจำวันว่า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัด มุกดาหาร อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยคาดการณ์ว่า ในห้วงวันที่ 19-25 เมษายน 2567 อุณหภูมิสูงสุดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 41-42 องศาเซลเซียส ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 39-41 องศาเซลเซียสมาอย่างต่อเนื่องโดยที่จังหวัดนครราชสีมา อากาศจะร้อนถึงร้อนจัดมาต่อเนื่องเช่นกัน และในวันนี้ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ที่ 39 องศาเซลเซียส ซึ่งผลของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปราณน้ำเก็บกับในอ่างเห็บน้ำต่างๆ ทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ลดลงอย่างรวดเร็ว โดย 4 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พบว่า -อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เหลือน้ำเก็บกักปัจจุบัน อยู่ที่ 114.28 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 36.34% เป็นน้ำใช้การได้ 91.56 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 31.38 % -อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เหลือน้ำเก็บกักอยู่ที่ 85.58 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.22 % เป็นน้ำใช้การได้ 84.88 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.01 % -อ่างเก็บน้ำมูลบน เหลือน้ำเก็บกักอยู่ที่ 60.90 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 43.20 % เป็นน้ำใช้การได้ 53.90 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 40.23 % -อ่างเก็บน้ำลำแชะ เหลือน้ำเก็บกักอยู่ที่ 106.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.84 % และเป็นน้ำใช้การได้ 99.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.24 %ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง เหลือปริมาณน้ำเก็บกัก รวมอยู่ที่ 144.16 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 43.52 % เป็นน้ำใช้การได้ 119.13 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.91 % ซึ่งทำให้ประมาณน้ำเก็บกักภาพรวมทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณรวมเหลือแค่ 511.75 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 42.06 % และเป็นน้ำใช้การได้เพียง 449.27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.92 % ชลประทานต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม เน้นเพื่อการอุปโภคบริโภคก่อน และต้องมีอย่างเพียงพอตลอดหน้าแล้งผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ปริมาณน้ำเก็บกักลด
อ่านต่อ >15
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันที่ 20 เมษายน 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย เปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน โดยผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ จะต้องยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย และลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปากับหน่วยงานผู้ให้บริการเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้นสำหรับรายละเอียดการลงทะเบียน มีดังนี้1. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่-สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไชต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis เบอร์ติดต่อ 1130-สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือผ่านเว็บไชต์ https://welfareregis.pea.co.th/Register เบอร์ติดต่อ 1129-กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร. หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th เบอร์ติดต่อ 086 848 12842. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่-สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet เบอร์ติดต่อ 1125-สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https//egister.pwa.co.th/welfare- register.html เบอร์ติดต่อ 1662ในกรณีลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. หรือ กทร. สำเร็จภายในวันสิ้นเดือน หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 ของแต่ละเดือน จะได้รับสิทธิครั้งแรกสำหรับใบแจ้งหนี้ค่าบริการรอบถัดไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง“สำหรับความคืบหน้าผู้ที่ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ทั้งหมดที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2567 มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวน 13,841,344 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 94.85 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่) ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pea.co.th หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1129” นายคารม กล่าว
อ่านต่อ >29
#Fake News #TNN ช่อง16
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 12 – 18 เมษายน 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,190,937 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 124 ข้อความ ทั้งนี้ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 109 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 15 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 110 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 51 เรื่องทั้งนี้ ดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 กลุ่มนโยบายรัฐบาล / ข่าวสารทางราชการ / ความสงบเรียบร้อยของสังคม / ขัดศีลธรรมอันดี และ ความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 68 เรื่อง อาทิ กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ทำใบขับขี่ออนไลน์หรือต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ทางเพจ Department of Land Transport , กรมราชทัณฑ์ สร้างนักโทษชนชั้นนำ เป็นต้นกลุ่มที่ 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ / วัตถุอันตราย / เครื่องสำอาง / รวมถึงสินค้า และ บริการที่ผิดกฎหมายอื่น จำนวน 23 เรื่อง อาทิ คนที่เป็นออฟฟิศซินโดรม คือคนที่เสี่ยงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก , ท่าบริหารมือ ทำทุกวัน ครั้งละ 200 ครั้ง ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้นกลุ่มที่ 3 กลุ่มภัยพิบัติ จำนวน 4 เรื่อง อาทิ กรมอุตุฯ เตือนเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเนื่องจากมีลมฝ่ายตะวันตกยังคงพัดปก คลุมภาคเหนือ 13-22 เม.ย. 67 เป็นต้นกลุ่มที่ 4 กลุ่มเศรษฐกิจ จำนวน 9 เรื่อง อาทิ งบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปีละ 6 หมื่นล้านบาท เป็นต้นกลุ่มที่ 5 กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 6 เรื่อง อาทิ เพจสินเชื่อ ออมสิน ปล่อยเงินกู้ด่วนถูกกฎหมาย รายเดือน 5,000 – 10,000,000 บาท , อส. ใช้เบอร์ 082-946-4808 โทรสอบถามเลขบัญชี เพื่อโอนเงินให้ 2,000 บาท เป็นต้นโดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชน มากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่อันดับที่ 1 : เรื่อง ดื่มน้ำข้าวผสมไข่ขาวดิบ ช่วยบำรุงและรักษาไตเสื่อมอันดับที่ 2 : เรื่อง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เผยเลขลับเฉพาะวงในทุกงวดอันดับที่ 3 : เรื่อง ผมร่วงและปวดหลังเป็นอาการของโรคออฟฟิศซินโดรมอันดับที่ 4 : เรื่อง รักษากรดไหลย้อน ด้วยกระเจี๊ยบเ
อ่านต่อ >2
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
20 เมษายน 2567 – เพื่อร่วมสร้างสังคมที่เคารพและให้คุณค่ากับการเปิดรับความหลากหลายทางเพศ หลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 ร่วมกับสถาบันอิศรา ได้ร่วมจัดเวทีสัมมนาสาธารณะ “สื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียม: สิทธิของ LGBTQIAN+ กับการเปิดรับของสังคม” กล่าวเปิดงานโดย คุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ผู้อำนวยการหลักสูตร บยสส. รุ่นที่ 3 ณ Hall 1 – 2 ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อคุณพินิจ จารุสมบัติ ประธานผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารยุทธศาสตร์การสื่อสารมวลชนระดับสูง (บยสส.) รุ่นที่ 3 เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนาสาธารณะในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้สะท้อนความคิดและมุมมองสู่สาธารณะ เพื่อให้สังคมไทยรวมถึงสื่อมวลชนรวมมีความรู้ความเข้าใจต่อประเด็นความหลากหลายทางเพศ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับทุกคน “การเคารพในความหลากหลาย เป็นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ที่จะต้องให้ความเคารพ ลดความขัดแย้ง ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำและการเลือกปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และหวังว่าการสัมมนาจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยต่อไป”คุณณชเล บุญญาภิสมภาร รองประธานมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกระเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้มีโอกาสทำงานกับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ พบว่าพ่อแม่มักมีความรู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด ถึงมีลูกเป็น LGBTQIAN+ จึงต้องทำอย่างไรให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ ในเวลาเดียวกันลูกก็จะรู้สึกว่าตนเองต้องทำเกินกว่าคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ทั้ง ๆ ที่การได้รับความรักเป็นเรื่องพื้นฐานของครอบครัว จึงทำคู่มือชื่อ “บ้านนี้มีความหลากหลาย” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานหลากหลายเพศ สำหรับเรื่องการสื่อสารอย่างไรให้เท่าเทียมนั้น สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา คือต้องไม่ตั้งสมมุติฐานว่า “ทุกคนจะเหมือนเรา” ต้องมีทัศนคติว่าคนมีความแตกต่าง มีความเฉพาะและมีชีวิตของตัวเอง การสื่อสารก็จะเป็นการสื่อสารด้วยความเคารพ เช่น เราเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ก็ควรถามเราว่าอยากให้เรียกว่าอะไร บางคนยังไม่เปลี่ยนชื่อ ชื่อยังเป็นผู้ชายก็อาจไม่อยากให้เรียกชื่อนั้นก็ได้ เป็นต้น ในฐานะสื่อต้องเรียนรู้ความแตกต่างหลากหลาย อย่าใช้คำนี้ไปครอบทุกอย่าง และต้องเห็นความหลากหลายเรื่องคนข้
อ่านต่อ >2
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (20 เมษายน 2567) ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รายงาน ลักษณะอากาศประจำวันว่า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัด มุกดาหาร อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยคาดการณ์ว่า ในห้วงวันที่ 19-25 เมษายน 2567 อุณหภูมิสูงสุดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 41-42 องศาเซลเซียส ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 39-41 องศาเซลเซียสมาอย่างต่อเนื่องโดยที่จังหวัดนครราชสีมา อากาศจะร้อนถึงร้อนจัดมาต่อเนื่องเช่นกัน และในวันนี้ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ที่ 39 องศาเซลเซียส ซึ่งผลของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปราณน้ำเก็บกับในอ่างเห็บน้ำต่างๆ ทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา ลดลงอย่างรวดเร็ว โดย 4 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พบว่า -อ่างเก็บน้ำลำตะคอง เหลือน้ำเก็บกักปัจจุบัน อยู่ที่ 114.28 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 36.34% เป็นน้ำใช้การได้ 91.56 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 31.38 % -อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เหลือน้ำเก็บกักอยู่ที่ 85.58 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.22 % เป็นน้ำใช้การได้ 84.88 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 55.01 % -อ่างเก็บน้ำมูลบน เหลือน้ำเก็บกักอยู่ที่ 60.90 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 43.20 % เป็นน้ำใช้การได้ 53.90 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 40.23 % -อ่างเก็บน้ำลำแชะ เหลือน้ำเก็บกักอยู่ที่ 106.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.84 % และเป็นน้ำใช้การได้ 99.80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 37.24 %ในขณะที่อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง เหลือปริมาณน้ำเก็บกัก รวมอยู่ที่ 144.16 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 43.52 % เป็นน้ำใช้การได้ 119.13 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.91 % ซึ่งทำให้ประมาณน้ำเก็บกักภาพรวมทั้ง 27 แห่งของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณรวมเหลือแค่ 511.75 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 42.06 % และเป็นน้ำใช้การได้เพียง 449.27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 38.92 % ชลประทานต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม เน้นเพื่อการอุปโภคบริโภคก่อน และต้องมีอย่างเพียงพอตลอดหน้าแล้งผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ปริมาณน้ำเก็บกักลด
อ่านต่อ >15
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันที่ 20 เมษายน 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กระทรวงมหาดไทย เปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน โดยผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ จะต้องยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย และลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปากับหน่วยงานผู้ให้บริการเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้นสำหรับรายละเอียดการลงทะเบียน มีดังนี้1. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่-สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไชต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis เบอร์ติดต่อ 1130-สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือผ่านเว็บไชต์ https://welfareregis.pea.co.th/Register เบอร์ติดต่อ 1129-กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร. หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th เบอร์ติดต่อ 086 848 12842. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่-สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet เบอร์ติดต่อ 1125-สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https//egister.pwa.co.th/welfare- register.html เบอร์ติดต่อ 1662ในกรณีลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. หรือ กทร. สำเร็จภายในวันสิ้นเดือน หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 ของแต่ละเดือน จะได้รับสิทธิครั้งแรกสำหรับใบแจ้งหนี้ค่าบริการรอบถัดไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง“สำหรับความคืบหน้าผู้ที่ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ทั้งหมดที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2567 มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวน 13,841,344 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 94.85 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่) ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pea.co.th หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1129” นายคารม กล่าว
อ่านต่อ >29