หลังจากรอคอยมานาน The Banner Saga 3 ก็ปรากฏตัวในปี 2561 เพื่อปิดท้ายเรื่องราวอันแสนประทับใจของตระกูลวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ภายใต้การนำของ Stoic สตูดิโอเกมอิสระชื่อดัง เกมนี้ยังคงรักษาสไตล์การนำเสนอดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี โดยผสมผสานการเล่าเรื่องระดับเอพิก กราฟิกสวยงามเหนือชั้น รวมถึงระบบการต่อสู้แบบรอบตามลำดับแบบเดิม เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต่อจากจุดจบของภาคที่ 2 โดยมีชาติพันธุ์มนุษย์ วารันและเหล่านักรบขุนเขาเดินตามหลังนักสู้ผู้น่าเกรงขามอย่าง Bellower ไปยังทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อค้นหาแหล่งที่มาของดาร์กลิงก์ กับพลังอำนาจลึกลับและน่าสะพรึงกลัว ขณะที่ Raven กำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ด้วยการรวมพลังของคนร้ายและผู้บริสุทธิ์ไว้ด้วยกัน การเล่าเรื่องของเกมมีความหนักแน่น เข้มข้น และลึกซึ้งเสมอมา ซึ่งภาคนี้ก็เช่นเดียวกัน โดยนำเสนอผ่านตัวละคร นักรบผู้กล้าหาญ และความขัดแย้งระหว่างอารยธรรมต่างๆ เด่นชัดมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยปริศนาและนำเสนอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในแง่เนื้อเรื่องและตัวละครที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเกม จุดเด่นของการดำเนินเรื่องคือความสามารถในการสร้างบรรยากาศอันหนักแน่นและท้าทาย อีกทั้งการตัดสินใจของผู้เล่นในแต่ละจุดก็ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์สุดท้ายทำให้รู้สึกเสมือนเป็นผู้นำจริงๆ ที่ต้องรับผิดชอบต่อผลจากการตัดสินใจของตนเอง ส่วนกราฟิกนั้นยังคงสวยงามไม่แพ้ภาคก่อนๆ แนวการ์ตูนแบบนอร์ดิกสไตล์โบราณได้รับการวาดด้วยฝีมือประณีต มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ บวกกับการเคลื่อนไหวแบบดั้งเดิมที่มีลีลาโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นฉากสงคราม การเดินทาง หรือ cut scene หลากหลายช็อตดูน่าประทับใจอย่างยิ่ง ที่โดดเด่นที่สุดของภาคนี้คือระบบการต่อสู้แบบผสมผสานระหว่างการวางกลยุทธบนกระดานแบบรอบตาม ของคลาสสิกกับการจัดการหน่วยรบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งพัฒนามาจากภาคก่อนหน้า รวมถึงการมีทักษะและสไตล์การต่อสู้ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา จึงท้าทายมากขึ้นกว่าเก่า ผู้เล่นต้องวางแผนกลยุทธ์ให้ดี จัดการดินแดนให้ถูกต้อง และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเก็บชัยชนะให้ได้ นอกจากนั้น ภาคนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องการปรับปรุงประสบการณ์ผู้เล่น โดยเพิ่มระบบโทรฟีการบรรลุผลสำเร็จให้หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกองทัพแกร่ง โค่นศัตรูรายยาก หรือทำภารกิจพิเศษประจำเมืองต่างๆ ผมประทับใจการเล่นเกมนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้สัมผัสกับมิติของการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม กราฟิกที่สวยงดงาม และระบบการต่อสู้ ที่มีความท้าทายยกระดับความสนุกไปอีกขั้น แม้บางครั้งจะรู้สึกหนักใจกับการตัดสินใจบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องราว แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเกมได้อย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีหลายจุดที่น่าประทับใจ แต่ก็มีบางส่วนที่อาจถือเป็นข้อบกพร่องของเกมภาคนี้ เช่น ระบบการสำรวจและการเดินทางที่ยังคงซ้ำซากจากภาคก่อนๆ อาจทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกเบื่อหน่ายได้ในระยะยาว นอกจากนี้การขาดอีเวนต์พิเศษหรือฉากการ์ตูนบางตอนก็ทำให้ขาดสีสันไปบ้าง แม้โดยรวมเนื้อเรื่องและการนำเสนอจะยังคงน่าติดตามอยู่ก็ตาม หนึ่งในประเด็นที่ผมรู้สึกผิดหวังบ้างก็คือการดำเนินเรื่องราวของตัวละครบางตัว ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้รับการจัดสรรเวลาและความสนใจมากนัก แม้ว่าจะเป็นตัวละครสำคัญในภาพรวมของเรื่อง ทำให้บางคนอาจรู้สึกเสียดายกับการพัฒนาตัวละครเหล่านี้ที่ขาดความลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของเกมภาคนี้คือการจบเรื่องราวของซีรีส์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ โดยผู้สร้างสามารถนำประเด็นต่างๆ ที่ค้างคาในภาคก่อนหน้ามาตอบได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกมซีรีส์หลายเรื่องพลาดท่าไป การจบเรื่องราวแบบนี้จึงทำให้ผู้เล่นรู้สึกได้รับความคุ้มค่าและมีความพึงพอใจหลังเสร็จสิ้นการผจญภัย โดยรวมแล้ว The Banner Saga 3 คือการปิดฉากซีรีส์อย่างสง่างามของเกมเล่าเรื่องแนวไวกิ้งที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ทั้งในแง่การเล่าเรื่อง กราฟิก และระบบการต่อสู้ โดยภาคนี้ยังคงจุดเด่นทุกอย่างของภาคก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ เข้ามาด้วย แม้จะมีบางส่วนที่อาจถือเป็นจุดบกพร่อง แต่ก็ไม่มากนักจนทำให้ความน่าติดตามต้องลดลง จากประสบการณ์การเล่นที่แสนประทับใจตลอดซีรีส์ ทำให้ผมรู้สึกเสียดายที่สิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยครั้งนี้ ด้วยเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ The Banner Saga 3 จึงสมควรได้รับคะแนนที่สูงมากจากผม เกมเล่าเรื่องแนวไวกิ้งตัวนี้คงต้องจารึกเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในยุคของการออกแบบเกมแนวนี้ และเป็นเกมที่คุ้มค่าแก่การลงทุนเล่นเป็นอย่างยิ่ง เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเองเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !